เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (3)Chaitawat Marc Seephongsai
See Lanka เอวังที่ลังกา By โจ้ บองโก้ และ ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์
  • รีวิวเว้ย (1944) เมื่อพูดถึงประเทศศรีลังกา ในมุมของคนเรียนรัฐศาสตร์คงยากที่เราจะนึงถึงเรื่องราวของพุทธศาสนาเพียว ๆ เพียงอย่างเดียวเมื่อพูดถึงประเทศนี้ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาศรีลังกาอยู่ในความรับรู้ของคนทั่วโลกในเรื่องของปัญหาความขัดแย้งในประเทศตั้งแต่ครั้งอดีต อย่างกรณีของปัญหาสงครามกลางเมืองจากสาเหตุความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ระหว่างชาวสิงหล (Sinhalese) กับชาวทมิฬ (Tamil) ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อกลุ่มติดอาวุธพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (Liberation Tigers of Tamil Eelam) หรือหลังจากการสิ้นสุดลงของกลุ่มติดอาวุธพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ในปี พ.ศ. 2552 กลับกลายเป็นว่าปัญหาใหม่อย่างความขัดแย้งทางศาสนา (ศาสนิกชน) ได้กลายมามาเป็นเงื่อนปมสำคัญของความขัดแย้งในศรีลังกา ความขัดแย้งและความรุนแรงรูปแบบใหม่ได้ก่อตัวขึ้นระหว่างกลุ่มชาตินิยมพุทธสุดโต่งกับมุสลิมหัวรุนแรงในประเทศ ซึ่งหากมองจากคู่ขัดแย้งอาจกล่าวว่าเป็นปัญหาระหว่างศาสนิกชนกับศาสนิกชนมากกว่าจะเรียกว่า "ความขัดแย้งระหว่างศาสนา" นั่นเองคือภาพจำของศรีลังกาในมุมมองหลายคนที่ติดตามข่าวสารระหว่างประเทศ แต่อีกทางหนึ่งด้วยความที่ศรีลังกาเป็นประเทศที่มีพุทธศาสนาที่แข็งแรงและเข้มแข็งทำให้ในความรับรู้อีกด้านของคนนับถือพุทธ มองว่าศรีลังกาเป็นหนึ่งในประเทศที่ชาวพุทธควรเดินทางไปสักครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะการไปสักการะพระเขี้ยวแก้วหรือพระทันตธาตุส่วนเขี้ยวของพระพุทธเจ้า
    หนังสือ : See Lanka เอวังที่ลังกา
    โดย : โจ้ บองโก้ และ ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์
    จำนวน : 240 หน้า 
    .
    "See Lanka เอวังที่ลังกา" หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของการเดินทาง 10 วันในประเทศศรีลังกาของคณะนักแสวงบุญที่นอกจากเรื่องของบุญแล้วสิ่งที่ผุดพรายขึ้นมาระหว่างการเดินทางตลอด 10 วัน คือ เรื่องของความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนา ทั้งในมิติของตำนาน ความเชื่อ และในมิติทางวิชาการ โดยที่คำโปรยบนปกหน้าของหนังสือเขียนเอาไว้ว่า "ทริปตามรอยพระพุทธเจ้าในศรีลังกา ดินแดนที่พุทธศาสนายังมีชีวิต" ที่การเดินทางครั้งนี่ถูกบอกเล่าทั้งในมิติของประวัติศาสตร์ศาสนา วัฒนธรรม ความเชื่อ และมุมมองทางวิชาการ ที่จะช่วยให้ผู้อ่านได้เรียนรู้เรื่องราวของศรีลังกา ตั้งแต่วันแรกที่พุทธศาสนาเข้าสู่ศรีลังกา (ลังกา) อย่างเป็นทางการ กระทั่งถึงวันที่ศาสนาพุทธเกือบหลับแต่กลับมาได้ในดินแดงลังกา จากการช่วยเหลือในช่วงรัชสมัยปลายอยุธยา กระทั่งก่อเกิดเป็นนิกายสยามวงศ์ (สยามนิกาย) ที่สืบทอดต่อมาในศรีลังกากระทั่งปัจจุบัน
    .
    นอกจากเรื่องราวของการตามรอยสถานที่ต่าง ๆ แล้ว "See Lanka เอวังที่ลังกา" ยังตัดสลับการเล่าเรื่องระหว่างสถานที่กับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และพุทธตำนานที่ซ้อนทับกันอยู่ ณ สถานที่หนึ่ง ๆ หากต่างกันในเรื่องของช่วงเวลา ความน่าสนใจประการหนึ่งของ "See Lanka เอวังที่ลังกา" คือการบอกเล่าเรื่องราวของพุทธศาสนาในศรีลังกาแบบ "มนุษย์" ที่ไม่ได้เล่าเน้นเรื่องของพุทธปาฏิหาริย์ หาแต่มุ่งเน้นเล่าให้เห็นถึงการต่อสู้และปรับตัวของศาสนา ที่หลายครั้งศาสนาเองก็ต้องสร้างทรงจำร่วมของศรัตรูที่จะช่วยให้ศาสนาอยู่ได้ในการแข่งขันตลอดช่วงประวัติศาสตร์ ซึ่ง "See Lanka เอวังที่ลังกา" ทำให้เราเห็นภาพความขัดแย้งของศรีลังกาที่มีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์บ้าง ตำนานบ้าง กระทั่งปัจจุบันที่ความขัดแย้งในหลายประการยังคงดำเนินไป การได้อ่าน "See Lanka เอวังที่ลังกา" ทำให้นึงถึงคำของ พระเทพกิตติปัญญาคุณ (กิติศักดิ์ กิตฺติวุฑฺโฒ) ที่ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารรายสัปดาห์ จัตุรัส เมื่อ พ.ศ. 2519 ว่า 
    .
    จัตุรัส: การฆ่าฝ่ายซ้าย หรือ คอมมิวนิสต์บาปหรือไม่
    .
    กิตติวุฑโฒ: อันนั้นอาตมาก็เห็นว่าควรจะทำ คนไทยแม้จะนับถือพุทธก็ควรจะทำ แต่ก็ไม่ใช่ถือว่าเป็นการฆ่าคนเพราะว่าใครก็ตามที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันไม่ใช่คนสมบูรณ์ คือต้องตั้งใจ เราไม่ได้ฆ่าคน แต่ฆ่ามาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน
    .
    จัตุรัส: ฝ่ายซ้ายที่ตายหลายคนในช่วงนี้ คนฆ่าก็ได้บุญ
    .
    กิตติวุฑโฒ: ถ้าหากฆ่าคนที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้วก็ได้ประโยชน์
    .
    ซึ่งเรื่องราวที่ปรากฏใน "See Lanka เอวังที่ลังกา" ตอนหนึ่งเอง ก็ตอบคำถามและตอกย้ำถึงคำพูดของพระสงฆ์ที่มีต่อเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ได้เป็นอย่างดี เช่นนั้นแล้วศาสนาเองเมื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐ หรือถูกใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมบางประการให้กับผู้ถือครองอำนาจ เมื่อนั้นศาสนาควรต้องถูกตั้งคำถามและศาสนาควรต้องย้อนกลับมาพิจารณาการตีความคำสอนของพระพุทธองค์อีกครา ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นคือการธำรงค์พระศาสนาด้วยการเบียดขับ กักขัง ทำร้าย ทำลายผู้อื่นหรือศาสนาอื่น ๆ อยู่หรือไม่ เพราะตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เราได้เห็นแล้วว่าศาสนาเองนี่แหละที่ (เป็นต้นทาง) นำพาไปสู่ความขัดแย้งที่ยากจะบรรเทา

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in