เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เขียนคำว่ารักEl Thanaphat
...รักรู้ไหม...
  • - 1 -

    สวัสดีความเหงา...


    เดี๋ยวนี้อะไรๆมันเร็วขึ้นน่ะ โลกออนไลน์ เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน 

    มันทำให้โลกใบนี้แคบลงเยอะเลย มันก็ดีในแง่หนึ่ง และไม่ดีในแง่หนึ่ง 

    ดีก็ตรงที่มันพาคนไกลให้ใกล้ได้ พาคนที่ห่างหายกันไปนาน กลับมาพบกันอีกครั้ง

    มันไม่ดีตรงที่มันเร็วเกินไป ความรู้สึกที่ส่งผ่านออกไป มันเลยไม่ค่อยมีราคาเท่าที่มันควรจะเป็น 

    มันส่งง่าย ส่งถึงในทันที มันไม่ได้ใช้เวลาไม่ได้ซึมซับความรู้สึกผ่านการรอคอยเหมือนอย่างที่จดหมาย

    เคยเป็น


    เวลามันเร็วเสมอเมื่อนึกย้อนกลับไป เรานึกถึงตอนเรียนตลอด วัยที่เราชอบระลึกถึงที่สุดคือวัยเด็ก 

    ช่วงประถมน่ะ ไม่รู้ใครต่อใครเป็นเหมือนกันมั้ย มันเป็นช่วงร่าเริง ช่วงที่ดีที่สุด 

    แต่แล้วพอนึกไปก็รู้สึกว่ามันเร็วมาก ไม่ทันไรเราก็เข้าสู่วัยทำงานไปแล้ว 

    อดีต วันวาน เลยกลายเป็นความทรงจำสีจาง ความทรงจำที่แม้เราจะจำเธอได้ แต่มัน

    ก็เริ่มเจือจางไปด้วยช่วงเวลาที่ห่างหายกันไป 

    แต่ยังไง สุดท้ายแล้ว

    ฉันก็ไม่ลืมเธอ ...


  • - 2 -

    ความทรงจำในสายหมอก



    แค่คิดถึงคำนั้น ก็กลัวว่าเธอจะไม่คิดอย่างฉัน 

    ฉันเลยไม่กล้าที่จะบอกมัน ในตอนนี้

    สุดท้ายก็เขียนเป็นจดหมายเก็บไว้อย่างนี้ 

    ที่ผ่านมาก็บอกความรู้สึกผ่านจดหมายออนไลน์อยู่บ่อยๆ

    โดยหวังว่าเธอ อาจผ่านมาพบเห็นและอ่านมันบ้าง

    แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะผ่านมาพบเห็นมันรึปล่าว 







    ถึงตอนนี้ฉันคงสารภาพกับเธอว่าเมื่อก่อนฉันซ่อนอะไรเอาไว้ ทำไมต้องลุกลี้ลุกลนข้างๆเธอ
    ฉันจะบอกเธอ ว่าตอนนั้นน่ะ ความจริงแล้วเป็นยังไง...


    ตอนเด็กๆ เธอเป็นคนหนึ่งที่เราแอบชอบ การไปเรียนในแต่ละวันมันมีความสุข สุขก็ตรงที่ฉันได้เจอเธอไง ฉันตั้งใจเรียนนะ เรียนดีด้วยซิ แต่ฉันแค่พยายามอยู่ในสายตาเธอน่ะ นี่ขนาดความรู้สึกตอนเด็ก แค่ ป.4 เอง ที่เริ่มรู้สึกนึกคิดอะไรแบบนี้ ตอนที่ย้ายจากอีกโรงเรียนไปเจอเธอที่นั่น นั่นล่ะจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง 


    ฉันไม่ค่อยกล้าแสดงออกนักหรอก บ่อยๆที่หลบหน้าเพราะกลัวเธอรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง 
    นั่นความรู้สึกตอนเด็ก ความรู้สึกที่ฉันมักเก็บเอาไว้คนเดียว ซ่อนไว้ไม่ยอมบอก


    ฉันเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง 
    ขณะเดียวกันฉันก็แสดงออกตรงกันข้าม 
    และหลายๆครั้ง เธอกลับเข้ามาใกล้ฉัน 
    แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ 
    ฉันยอมแพ้เธอเลย....


    ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจำสิ่งเหล่านั้นได้มั้ย
    เธอยิ้มให้กัน  ฉันชอบรอยยิ้มนั้น ตอนนั้น
    จำได้มั้ยเธอสอนคอมเราด้วยนะตอนนั้น 
    เพิ่งจะเรียนเรื่องเวิร์ด การเขียน ตอนนั้นที่เรียนคอม-
    พิวเตอร์ เธอบอกเรื่อง (-) ระหว่างคำที่มันควรต่อกัน 
    แต่บรรทัดมันตกไป เธอให้ฉันขีดแบบนี้ด้วย เธอจำมันได้มั้ย


    แต่หลังจากนั้นฉันก็ใช้มันตลอด ฉันก็ซื่อๆน่ะ พอสุดบรรทัดแบบนี้ ก็เลยขีดมัน- 
    - และขึ้นบรรทัดใหม่ก็ยังขีดมันอีก จนเธอบอกว่า ไม่ใช่แล้ว 
    ถ้าไม่ใช่คำเดียวกัน ขึ้นบรรทัดใหม่ไม่ต้องมีขีดท้าย และบรรทัดใหม่ไม่ต้องมีขีดอีก 
    ฉันจำมันได้ดีเลย แต่เธอคง ไม่จำมันหรอก หลังจากนั้นฉันก็ทำแบบนั้น ไม่รู้ว่าเธอรู้มั้ย 


    ตอนหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเธอทำอะไรเลอะเสื้อฉัน เธอขอโทษ และโผลเข้าโอบฉัน
    ฉันใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย เขินจนทำตัวไม่ถูก นี่ไงล่ะที่ฉันจดจำมันตลอด
    เธอขอโทษ และก็ขอโทษ ฉันชอบเธอก็ตรงนี้แหล่ะ 
    ตอนนั้น แอบคิดทึกทักไปเองว่าเธอเองก็คงชอบเรา 
    ช่างเป็นความคิดที่เข้าข้างตัวเองสิ้นดี ขำตัวเองชะมัด


    ส่วนฉันแสดงออกยังไงนะเหรอ ฉันน่ะ ไม่ค่อยแสดงออกอย่างที่ใจคิดหรอก 
    ใจอย่าง ปากอย่าง ปากร้ายกว่าดีอีก เธอจำตอนที่เรียนอังกฤษในห้อง Sound-lab ได้มั้ย 
    ไม่รู้มันเรียกแบบนี้มั้ย แต่วันนั้น ครูเปิดซีรี่เรื่องหนึ่งให้ดู ซีรี่ย์จีน หรือฮ่องกงนี่แหละ ตอนนั้นกำลังฮิตไง ชื่อเรื่อง เจาะเวลาหาจิ๋นซี... 

    ใช่แล้ว ฉันจำมันได้ดี เพราะว่าฉันชอบสปอยมาก ชอบเล่าเรื่องให้เพื่อนๆฟัง เพราะเคยดูมาก่อน จริงๆก็ไม่ได้ดูจากไหนหรอกจาก ทีวีช่องที่กำลังฉายไง แต่เธอก็ดูมันนะ ไม่ใช่แค่เราที่เคยดู เธอเลยลำคาญและเป็นฝ่ายเล่ามันบ้าง แล้วฉันก็บอกว่าไม่ได้สิเธอห้ามเล่า ฉันมีสิทธิ์เล่าได้คนเดียว (เห็นแก่ตัวได้อีก) เธอว่าเธอก็เคยดูทำไมจะไม่มีสิทธิ์ล่ะ เถียงกันเรื่องนี้หล่ะจำได้มั้ย แล้วฉันก็ประชดประชันเธอเก่งด้วยล่ะ ถึงอย่างนั้น จริงๆแล้วในใจฉันมันไม่ได้รู้สึกว่าอยากเอาชนะอะไรหรอก มันตรงกันข้ามเลย แค่อยากแสดงออก ให้อยู่ในสายตาเธอเท่านั้นเอง... 


    ยัง ยังจำได้อีก ตอนที่เธอ ทำทีท่าสงสารอะไรสักอย่าง แมลงเหรอ อะไรสักอย่าง ฉันยืนอยู่ข้างหลังเธอ ไม่รู้เธอสังเกตุมันมั้ย แต่ฉันกำลังจ้องเธอ ซึ้งไปกับการที่เธออ่อนโยนแบบนั้น ตอนนั้น ป.6 แล้ว จำได้ 


    ตอนนั้นมีเพื่อนอีกคนที่ชอบเธอ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเธอรู้ตัวมั้ย ว่าใครเขาชอบเธอ เพื่อนคนนั้นมันบอกฉัน เพราะมันเป็นเพื่อนสนิทฉันที่สุดนั่นแหล่ะ เธอจะจำได้มั้ยล่ะ มันบอกว่าชอบเธอมากซะด้วย แต่มันก็ไม่ได้บอกเธอนะ กลายเป็นฉันเองที่ยอมแพ้กับเพื่อนคนนั้น ฉันไม่แข่ง  และ 

    ไ ม่ แ ข่ ง ยิ่ ง แ พ้ . . . 

    แต่เพื่อนเราคนนั้น ตอนนี้อ่ะเหรอ แต่งงานไปแล้วสิ  


    ฉันก็ทึกทักเอาเองอีกแล้ว ว่าเธอเองก็ชอบเขาด้วย
    สงสัยเราจะยอมแพ้จริงๆแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้น 
    มันก็เลยไม่กล้าคิดที่จะพูดอะไรกับเธอมากนัก ปล่อยเวลาผ่านไป
    เวลาค่อยๆล่วงเลยไป...

    เห็นมั้ย ฉันจำรายละเอียดเหล่านั้นได้ดีทีเดียว
    แต่สุดท้าย มันก็แค่เรื่องราวของเด็กๆเท่านั้นเอง 
    เรื่องราวที่วันหนึ่ง ก็หายไป
    วันหนึ่ง ก็แยกย้ายและจากลา... 
    วันเวลาในอดีต เลยกลายเป็นเพียงภาพเก่า
    ภาพความทรงจำ 

    "นึกถึงทีไรมันก็ชวนน้ำตาไหลทุกทีเลย"
    ...
  • -3- 

    วันวาน...



    เ ร า ช อ บ ค ว า ม เ ป็ น อ ดี ต

    เราชอบเรื่องราวในวันก่อนวันเก่า

    เราชอบที่มันดำเนินไปอย่างช้าๆ แบบไม่ต้องรีบ

    เราชอบ ที่เข้าห้องเรียนทุกครั้ง เห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้น 


    . . . วั น ว า น . . .






    ตอนที่มองไปตรงนั้น สถานที่เหล่านั้น 
    ความรู้สึกเก่าๆมันอบอวนอยู่ ที่ตรงนั้น... 



    ภาพของเธอยามนั้นงดงามทุกครั้งที่ได้มอง ฉันไม่รู้หรอกความรู้สึกของเด็กน้อยในวันนั้น มันคืออะไรกันแน่ มันคือความหลงไหลรึปล่าว ฉันไม่รู้  ไอ้เด็กขี้แพ้ ขี้แยในวันก่อน มันเอาแต่นั่งเหม่อลอยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่มีความกล้าที่จะเผยความในใจออกไปตรงๆ จนที่สุดแล้วมันก็ไม่มีโอกาสอีกเลย นับจากวันนั้นจนเวลาล่วงไป ฉันก็ยังคงคิดถึงเธออยู่บ่อยๆ แม้เราจบประถม และแยกย้ายกันไปไหนต่อไหนแล้ว สุดท้ายไม่ว่ายังไง  ฉันก็ยังคง... 


    " คิ ด ถึ ง เ ธ อ "

    เธอคงไม่ว่าอะไรนะ ถ้าเพื่อนคนนี้จะคิดถึงเธอน่ะ ไม่ได้ขออนุญาติด้วย...

    จริงอยู่ว่ามันไม่มีโอกาสได้เจอกันเลยตอนช่วงเวลามัธยม ฉันเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ ที่ใหม่ เพื่อนใหม่ๆ เพื่อนเก่าแค่ไม่กี่คน แต่ทำไมฉันยังจำเธอได้ตลอด ฉันระลึกถึง และแอบฝันว่า สักวันอาจมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง ... เราหวังแบบนั้นจริงๆน่ะ 

    รู้ว่าวันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว วันนี้กับเมื่อก่อนตอนเด็กมันจะเหมือนกันได้ยังไงล่ะ เธออาจคิดว่าฉันยึดติดกับอดีตมากไป ไม่ปล่อยวาง ว่างั้นก็ได้ แต่ยังไงก็ไม่อาจลืมเธอได้จริงๆ หรือถ้าจะบอกว่า จริงๆแล้วไม่ลืมไม่มีหรอก มีแต่ลืมช้าหรือลืมเร็วเท่านั้น งั้นเราก็คงลืมช้าแล้วล่ะ.... 


    ว่ากันตามจริง เมื่อก่อนไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่มีแม้โทรศัพท์กันด้วยซ้ำ ไม่มีเพจเจอร์ การจะส่งข้อความหากันก็ไม่ได้ง่าย ถ้าจะส่งก็มีแต่จดหมายนี่แหล่ะ และฉันเคยเขียนนะ เขียนถึงเธอน่ะ บ่อยด้วย แต่ฉันก็ไม่ได้ส่งไปให้เธอ จะว่าไป ก็ใช่ว่าไกลกันเสียเมื่อไหร่ ทำอย่างกับอยู่ไกลกันต่างจังหวัดแน่ะ ฉันมันบ้าบอดีใช่มั้ย  


    ....
  • - 4 -
    วันนี้...


    "วันนั้น..."
    ...สังคมออนไลน์ ช่วยให้เราได้เจอเธออีกครั้ง เธอรู้มั้ย ที่เราบอกว่าดีใจที่ได้เจอ เราหมายความแบบนั้นจริงๆนะ เราดีใจมาก ดีใจที่เธอตอบกลับ ดีใจที่ได้พูดคุย ดีใจที่ได้ขอคำปรึกษาและเธอตอบเรา คำแนะนำทุกอย่าง มันทำเราอ่านไปยิ้มไป อ่านจากส่วนลึกของใจ อ่านจากความรู้สึกตอนเด็ก ความรู้สึกเหล่านั้นเลยชัดเจนขึ้นอีกครั้ง  

    .

    หลังจากนั้นเธอบอกว่ามีความเครียดหรืออะไรก็มาเล่าให้ฟังได้ 


    "รู้สึกดีจัง" 

    บ่อยๆที่เราทักไปปรึกษา เราอยากเล่า อยากแชร์เรื่องต่างๆให้รู้ เราดีใจที่เธอรับฟัง ดีใจที่เธอบอกว่ายินดี เราดีใจทุกครั้งที่ได้คุย คุยด้วยแล้วรู้สึกดี สบายใจ พูดมาถึงตรงนี้เธอคงเข้าใจเรานะ ลองคิดดูว่าคนที่ชอบเธอตั้งแต่เด็กเมื่อมันได้พูดคุยได้ปรึกษา จะรู้สึกดีแค่ไหน 

    ก็จริงอยู่ว่า คุยกันทุกครั้ง เราเอาแต่พูดเรื่องของเราเอง ปัญหาของเราเอง เราไม่ได้ถามไถ่อะไรเธอเลย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจริงๆแล้วจะไม่อยากรู้นะ มีเรื่องราวมากมายที่เราอยากถาม อยากได้ยินคำตอบ แต่ก็ไม่รู้จะถามยังไง หรือทักทายไปยังไง มีครั้งหนึ่งตอนแรกๆที่่เราบอกว่า "หืม ไม่เจอกันนานเลย กี่ปีแล้ว..." นั่นล่ะบทสนทนาที่อยากพูดคุยกันมากที่สุด  สุดท้ายก็เลยได้แต่พูดเรื่องตัวเอง 

    จริงๆเราก็กลัวเธอลำคาญนะ แต่เธอเคยบอกว่า "อย่าคิดแทนเราเลย" เพราะงั้นเลยกลายเป็นว่าเราไม่เกรงใจเธอซะงั้น 


    "เห็นแก่ตัวจัง"


    ในที่สุดก็ไม่มีเรื่องจะเล่า ไม่รู้จะทักทายไปยังไง 
    เธอเห็นมั้ย เมื่อก่อนเรา ไม่แสดงออกยังไง ตอนนี้ก็ยังอย่างนั้น ซ่อนความรู้สึกเก่งนัก ซ่อนใจความสำคัญเอาไว้ ช่วงถัดมา มันเลยเอาแต่เขียนเก็บเอาไว้ เป็นบทความ เป็นจดหมาย แต่ก็ไม่ส่งให้เธออีกอยู่ดี แล้วก็คิดไปว่าเธออาจจะมาอ่านเจอเองก็ได้... 

    แล้วนี่ ไม่รู้ว่ามาอ่านเจอบ้างรึปล่าว ความรู้สึกที่เล่าผ่านตัวอักษรเหล่านั้น 

    ฉันดีใจอีกอย่างนะ ดีใจที่เธอเห็นเรา 
    เห็นในที่นี้คือเรื่องที่เธอให้เราทำอัตลักษณ์องค์กร ฉันยินดีมากเลย ตั้งใจทำให้ฟรี นั่นน่ะทำให้ด้วยใจจริงๆ ทำให้ด้วยความรู้สึกทั้งหมด รู้ ว่ามันไม่ใช่ของเธอคนเดียว แต่อย่างน้อยได้ทำอะไรให้บ้าง แค่นี้เราก็พอใจแล้ว

    หลังทำงานเสร็จ ก็ไม่มีเรื่องให้ทักทายพูดคุยอีก มันเงียบ และเวิ้งว้างมาก พยายามชวนคุยบ่อยๆ อันนี้ต้องขอโทษ รู้ว่ามันรบกวนเธอแค่ไหน...

    ดีนะที่เธอกลับมาให้เราแก้งานอีกรอบ เราเลยพยายามยืดเวลา เพื่อให้เดือนนั้นทั้งเดือนได้คุยกับเธอ จริงๆก็ไม่หรอก เธอไม่ยอมตอบเราง่ายๆ เราเลยไม่รู้ว่างานนั้นต้องทำอะไรต่อ คอนเฟิร์มรึยัง ต้องแก้อีกมั้ย ไม่รู้ได้เลย... แต่ก็น่ะ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เธอก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง บอกตรงๆ แบบนั้นรู้สึกแย่น่ะ มันทำเรางง สับสน ไม่รู้ว่าอะไรยังไง ไม่รู้ว่าเราทำผิดกับเธอหรือเปล่า ชวนคิดมากอยู่เรื่อยเลย ... 

    แล้วเธอแทบไม่พูดอะไร ถ้าไม่พูดถึงงานตอนนั้น 
    จนแล้วจนรอด ที่สุดแล้วงานก็เสร็จจนได้...

    "ส่งงาน"
    ปิดจ๊อบ ...

    หนึ่งเดือนนั้นจบลง เรา ส่งงานให้เธอแล้ว 
    เธอบอกว่าจะพาเลี้ยงข้าวพร้อมทีมงานเธอ
    ...!
     
    คืออันนี้ต้องขอปฏิเสธจริิงๆ
    เพราะเราไม่เก่งเรื่องเข้าสังคมสักเท่าไหร่ 
    ยิ่งไม่รู้จักใครเลยนอกจากเธอคนเดียวด้วยแล้ว 

    ส่วนที่เธอบอกจะเลี้ยงน้ำปั่นอะไรนั่น อันนี้ไม่อยากปฏิเสธ อยากเจอ อยากพูดคุย 
    มันคงดีไม่น้อย และเราก็แอบเฝ้ารอมันอยู่น่ะ แต่ก็ยัง...

    ถึงตอนนี้ช่างเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจไปใหญ่ เราเก็บความรู้สึกทั้งหมดนั้น เขียนมันลงบนหน้ากระดาษ หน้าแล้วหน้าเล่า เขียนแล้วเขียนอีก เล่ามันซ้ำๆ แต่ก็ไม่อาจส่งให้เธออ่านได้ ที่สุดแล้ว ฉันจึงวาดภาพๆหนึ่ง มันเป็นภาพของเธอนั่นล่ะ วาดโดยใช้คอมพิวเตอร์ นั่นไม่ได้ใช้เทคนิคเสริมใดๆ  ใช้การเพ้นท์ ด้วยเมาส์ล้วนๆ ค่อยๆบรรจงวาด เกลี่ยสีไปทีละนิดๆ เราไม่ได้ถนัดงานนี้นักแต่ก็พยายามทำ


    วาดเสร็จออกมาเป็นรูปนั้น 
    ตอนสายวันนั้น....







    แล้วเราก็ส่งมันให้เธอทางแชทนี่แหล่ะ แต่ก็ไม่รู้เธอชอบมันมั้ย เธอรู้สึกยังไง เธอไม่ได้บอกเรา 
    เธอโกรธมั้ยน่ะ ที่วาดภาพนี้ให้ เธอรู้มั้ยนะ ว่านั้นน่ะ เราพยายามแล้วแม้ว่าฝีมือเราอาจไม่ดีเท่าไหร่
    แต่ก็ตั้งใจ.. เรานั่งทำมันตั้งแต่ช่วงค่ำ จนเช้า สายเสร็จก็ส่งให้นั่นล่ะ 
    ไม่รู้สินะ ถ้าไม่ชอบใจมัน เราก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ



    ทั้งหมดนี้เขียนขึ้นด้วยความรู้สึกจากใจ 
    ไม่ได้ขออนุญาติเธอเลยแม้แต่น้อย 
    ก็ไม่รู้อีก ว่าเธอจะชอบใจมั้ย
    ยังไงก็ขอโทษไว้ก่อน ขออภัยด้วย  


    สุดท้ายแม้เราจะรบกวนเธอแค่ไหนก็ตาม 
    แม้หลายครั้งจะสร้างความลำคาญใจให้
    แต่เธอก็ไม่ว่ากัน จริงๆคงมีว่าในใจแหล่ะ
    แต่ขอบคุณที่ไม่ว่าอะไร...

    แล้วก็...
    ขอโทษด้วย 
    ขอโทษ ที่รู้สึกแบบนั้น

    ....






    ปล. รั ก




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in