เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
numerous | October Prompts 2024wallflowerblu
XV. Book to Relax to When Taking A Break from Work (1)
  •  

    คำอุทิศ

    ปดแด่ผู้มอดไหม้

    สู่ตนไร้ตัวพเนจร

    เร้นพจนแม้นวิงวอน

    ไต้กองฟอนสุมเงาวิกาล

    พึ่งหามารแลบูชาศาสน

    –เทียมประพฤติเฉกที่ครหา

     

    ความตายหาใช่อื่น เพราะเหตุใดความตายจึงเจ็บปวด หากมิใช่เพราะมันคือสิ่งที่มวลมนุษยชาติต้องรับผิดชอบร่วมกัน



     

    1

     

    ข้าพเจ้ารู้สึกราวฝ่ามือและฝ่าเท้าของข้าพเจ้ากำลังเป็นปรปักษ์ มันทั้งหลายเพียงแค่ทำไปตามสัญชาตญาณ ตามบริบทของแง่งห้าข้อที่แบ่งเซลล์ออกจากกันบนกล้ามเนื้อมัดเดียวกัน วิธีเอาตัวรอดของร่างกายนั้นง่ายเพียงนิด รับผิดชอบอยู่ภายใต้คำสั่งให้หยิบอาหารเข้าปาก ตักตวง เคี้ยวกลืน ขณะปล่อยให้สมองเสาะหาวิธี วิธีอะไรก็ตามแต่ เท่าที่จะเป็นเจ้าของของมันได้ ให้ต่อมรับรสได้ลองสัมผัสรสชาติ ให้น้ำย่อยในกระเพาะได้ย่อยเศษเสี้ยวชิ้นโอชะ ถ้าไม่ทำ อย่างน้อย คงเสียชีวิตภายใน 6-8 สัปดาห์ และหากขาดน้ำร่วมด้วย ก็คงอยู่ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ปรกติแล้ว หากอาหารที่รับประทานเข้าไปเกินจากที่ร่างกายใช้เป็นพลังงาน จะมีการเก็บสะสมไว้ เพื่อนำไปใช้ในตอนที่ขาดสารอาหาร โดยสะสมอยู่ที่บริเวณตับและกล้ามเนื้อ เรียกว่า ไกลโคเจน ซึ่งใช้เป็นแหล่งสะสมพลังงาน เมื่อปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดลดลง ตับจะเปลี่ยนไกลโคเจนเป็นน้ำตาลกลูโคส และเมื่อร่างกายดึงออกมาใช้เรื่อย ๆ จากนั้น จะมีการสลายตัวไขมัน หรือเรียกง่าย ๆ คือการดึงไขมันของร่างกายออกมาใช้จนหมด โดยเรียกสิ่งนี้ว่า คีโตน เปรียบเสมือนโมเลกุลของน้ำตาล หากสมบูรณ์ถ้วน ครบสิ้นทุกกระบวนการ ร่างกายจากการขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่อง จึงจะเริ่มดึงเอากล้ามเนื้อโปรตีนออกมาทดแทน

    กระบวนการสังเคราะห์เหล่านี้ จำเป็นต้องใช้พลังงานที่ร่างกายเก็บไว้ในรูปของสารสื่อประสาท ซึ่งทำหน้าที่นำข้อความจากเซลล์ประสาทหนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง ในฐานะที่ต้องรักษาสมดุล กระบวนการนี้ดำเนินผ่านแคตาบอลิซึม กล่าวคือ การสลายโมเลกุลใหญ่ ๆ ให้เป็นโมเลกุลเล็กลง กระทั่งกลายเป็นน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ และพลังงาน สลายโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโนและยูเรีย สลายไกลโคเจนให้เป็นกลูโคส สลายต่อจนได้เป็นกรดแลคติค กรดไพรูวิค คาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ นอกจากจะแปรเปลี่ยนพลังงานจากการสลายนั้น ยังสามารถเกิดเป็นของเสียทั้งกรดและด่าง ซึ่งร่างกายจำเป็นต้องขจัดทิ้ง

    การสลาย เป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการสำหรับปลดปล่อยพลังงานออกมา

    แล้วเอาไปใช้ในการทำงานของอวัยวะ

    สืบต่อ ดังนี้...

    “สารวัตรรู้หรือว่า...ทำไมผู้ร้ายถึงต้องตรึงเขาไว้กับขื่อคานเช่นนั้น”

    พฉพ.หรอกหรือ... ข้าพเจ้านึกสงสัย คาดการณ์เพียงไล่ถ้วนจากเชิ้ตสีเรียบสะอาดสะอ้านบนตัวของบุรุษแปลกตา เมื่อผินทิศมองกรอบหน้ายามชำเลืองภาพจริงอันวิปริตลือเลื่อง จากองศาใบหน้ามุมซ้ายของเขา อายุอานามคงไม่ห่างเกินข้าพเจ้าเท่าไหร่นัก ภายนอกสวมคลุมด้วยโค้ตผ้าฟลีซสีดำยี่ห้อดี ทั่วทั้งเรือนกายไร้เครื่องประดับส่วนตัวกลืนกินผิวขาวผ่อง ข้อมือสองข้างใต้การประคองกกเหนือแผ่นอกเองก็หนักแน่น ชวนให้ข้าเจ้าลอบมองเส้นนูนเข้มอมม่วงขนาบเรียงเป็นระเบียบใต้พื้นผิว ฝีเท้าเยื้องเงียบเกินคาด แม้จะคู้ขดอยู่ข้างบนฐานเสริมเล็กน้อย หลังพิจารณาถี่ถ้วน ข้าพเจ้าจึงตรึกตรองลำพัง ความว่า เขาคงเป็นหนึ่งในทีมฉุกเฉินการแพทย์ สัดส่วนตามมาตรฐานที่ดูจะไม่เกินเลยไปจากส่วนสูง 186 เซนติเมตร ของข้าพเจ้า เคลื่อนเอื่อยไม่คลาดสายตาเสี่ยงคะเนในใจ เฉพาะแต่มารยาทสงบเงียบนี้ ก็ดูจะเกินมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ที่จะยอมปล่อยให้บุคคลนอกเครื่องแบบปรากฏตัวยังจุดเกิดเหตุ ประการทุกสิ่งยิ่งพะนำต้อนให้ข้าพเจ้าด่วนตัดสินโดยง่าย อย่างไม่จำเป็นต้องเอ่ยไล่ แม้ไร้ล่วงมูลเหตุ

    ท่วงท่าเนิบช้าเป็นกันเอง ทว่า กลับทิ้งระยะประชิดใกล้ คล้ายไม่ต้องการให้ข้าพเจ้ามุ่งเจตนาร้ายตอบ กิริยางดงามของเขาชวนให้ข้าพเจ้าเลือกกล่าว “มันกำลังสอนผม” แทนวลี “ห้ามคนนอก”

    “คุณเข้าใจด้วย”

    “แน่สิ... ผมต้องอ่านมันทุกคืน โดยเฉพาะเวลาที่ไล่ตรวจใบพิมพ์ชันสูตรบาดแผล”

    “เคยมีคนบอกคุณด้วยไหม...ว่าฆาตกรจะชอบกลับมาดูจุดเกิดเหตุน่ะ”

    “ไม่เสมอไปดอกคุณหมอ” ข้าพเจ้ายกยิ้มน้อย ๆ ตอบ ดูเหมือนความผ่อนตึงจากอารมณ์ของข้าพเจ้า จะทำให้เขาคอยจับพิรุธอื่นประดับใบหน้านิ่งงัน ราวกำลังฉุกถึงเรื่องราวมากมายในเมือง ซึ่งเริ่มทวีเค้าอาชญากรรมไม่เว้นวัน “บางหนบางที คนพวกนั้นก็สำคัญตัวเกินกว่าจะย้อนกลับมาดูหลักฐาน”

    เขาเพิกเฉย ข้าพเจ้าเกริ่นต่อ “งานของผมก็คือ ต้องกลับมาดูทั้งวิธีและหลักฐานของมันอยู่ทุกวัน” เสมือนภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่ทะนงตัวนั้น อยากทะลวงเนื้อตัวข้าพเจ้าเหลือทน แต่เขากลับไม่แสร้งรูปประโยคอื่นแย้งความเป็นไปได้ ตามฉบับของความลับบางส่วนในจรรยาบรรณวิชาชีพ

     

    เขาคงไม่เข้าใจ

     

    หรือคงพยายามจะทำความเข้าใจอยู่ละมัง

     

    ว่าบริบทกระจ่างชัด ตามที่ข้าพเจ้าปริปาก “มันกำลังสอนผม” ท่ามกลางความอึงอลอันสะอิดสะเอียนของวิธีแหลกสลาย ขณะเคลื่อนย้ายร่างผู้ตกเป็นเหยื่อออกจากตำแหน่งพิสดาร หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผู้เสียหาย หายอย่างไม่มีวันหวนคืน กำลังสอน “ตำราเรียน” หรือ “บทเรียน” อย่างใด กระจ่างแก่ข้าพเจ้า

    หากค่ำนี้ข้าพเจ้าได้รับสายเรียกเข้าจากเขา ข้าพเจ้าพึงจะให้เขาสอนดีหรือไม่

    ข้าพเจ้าลองไล่ทวน ขณะแผ่นหลังเยือกเย็นทิ้งแรงสั่นสะเทือนให้ตกตะกอน ระหว่างถนนสัญจรคลาฝุ่นควันค่อย ๆ ถูกพาหนะลู่ออกคนละปลายทางเคลื่อนลับสายตา

    คืนนี้, ข้าพเจ้าคงไม่มีหนังสือเล่มโปรดกล่อมหลังเวลางาน

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in