เห็นแบบนี้ หลายคนอาจคิดว่าการเป็นนักเขียนมังงะนั้นง่าย แค่วาดรูปเป็นก็มีสิทธิ์ประกอบอาชีพสายนี้ได้แล้ว ขอบอกว่าคิดผิดนะครับ นักวาดมังงะไม่ใช่อาชีพที่ใช้วุฒิการศึกษาสมัครได้ การจะเป็นได้นั้นต้องใช้ผลงานพิสูจน์ตัวเอง แถมต้องได้ตีพิมพ์งานแบบเป็นจริงเป็นจัง ไม่ใช่แค่วาดแล้วพิมพ์เองขายเองเป็นครั้งคราว
ช่วงแรก นักเขียนมังงะแทบทุกคนต้องลองวาดเรื่องส่งไปให้ทางสำนักพิมพ์ดู หากเขาสนใจก็อาจจะเรียกเข้าไปคุย ถ้าโชคดีหน่อยก็จะได้รับคอมเมนต์ให้ไปขัดเกลา หรือไม่ก็แนะนำให้ส่งประกวด เพื่อที่ว่าถ้าเรื่องนั้นถูกใจคนอ่านก็มีสิทธิ์ที่จะได้เขียนการ์ตูนตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์แบบเป็นเรื่องเป็นราว
นักเขียนมังงะในปัจจุบันจัดว่าเป็นอาชีพที่เหมือนจะมีอิสระ แต่ก็ไม่อิสระเท่าไหร่ แม้จะได้ทำงานที่บ้าน ไม่ต้องมีเครื่องแบบ ทำงานตอนไหนก็ได้ แต่สุดท้าย ก็โดนสิ่งที่เรียกว่าเดดไลน์จี้ไล่หลังอยู่ดี จึงสามารถเรียกได้ว่า พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ทำงานหนัก โดยเฉพาะพวกนักเขียนมังงะรายสัปดาห์ อย่าคิดว่าจะได้โงหัวหายใจครับ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แทบไม่มีเวลาพัก ต่อให้มีวันหยุดยาวก็ต้องปั่นต้นฉบับส่งล่วงหน้าให้ก่อน
ยังดีที่นักเขียนญี่ปุ่นสามารถจ้างทีมงานได้ เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขาสร้างรายได้ให้สำนักพิมพ์มากพอที่จะยอมลงทุนจ้างทีมงานมาช่วยตัดเส้น ถมดำ วาดฉากหลัง หรือลงดีเทลตัวประกอบบ้าง
อันที่จริง ต้องบอกว่าการเป็นผู้ช่วยนั้นถือเป็นหนึ่งในการฝึกฝีมือเตรียมลงสนามจริง เพราะนักเขียนมังงะที่ดังๆ ในทุกวันนี้ก็ล้วนแต่เคยเป็นผู้ช่วยมาแล้วทั้งนั้น อย่าง เออิจิโร่ โอดะ (Eiichiro
Oda) ผู้เขียน วันพีซ ก็เคยเป็นผู้ช่วยให้ผู้เขียนเรื่อง ซามูไรพเนจร และ ทาร์จังเจ้าป่า
แต่ถึงงานจะหนัก นักเขียนมังงะก็มีตัวช่วยเป็นกองฯ ที่จะมาช่วยดูแลว่าแนวเรื่องควรไปทางไหน ตอนนี้ตลาดสนใจอะไร ควรจะวางโครงไปทางใด เพื่อที่คนจะอยากติดตามอ่านและอยากซื้อรวมเล่ม
จะว่าไปก็เหมือนกับสำนักพิมพ์เห็นนักเขียนเป็นทรัพยากร แทนที่จะปล่อยให้ลุยงานตัวคนเดียว ก็หาคนช่วยเพื่อให้งานออกมาได้ดีขึ้น กองบรรณาธิการก็เหมือนกับโปรดิวเซอร์ที่จะดึงเอาจุดแข็งของนักเขียนออกมานั่นแหละครับ (แต่บางทีเชื่อโปรดิวเซอร์มากไปก็ไม่ดี บางเรื่องถูกยืดไม่ให้จบก็เพราะโปรดิวเซอร์อยากให้เขียนต่อเพราะขายได้ กลายเป็นว่าออกมาไม่ดี โดนคนอ่านด่า และโดนตัดจบแทนในท้ายที่สุด)
ถึงจะดังขนาดไหน แต่การเป็นนักเขียนมังงะก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าเราจะไม่ตกยุคนะครับ หากไม่มีผลงานดังๆ แบบที่เก็บกินค่าลิขสิทธิ์ต่อไปได้เรื่อยๆ (เช่น ดราก้อนบอล หรือ วันพีซ) พอเวลาผ่านไปก็อาจถูกลืม เหมือนนักเขียนมังงะบางคนที่ต้องหันไปเขียนมังงะโป๊ หรือบางคนก็กะเข้ามากอบโกยแค่ช่วงเดียว ใช้จุดเด่นที่มีเป็นจุดขาย เช่น นะยุคะ มิเนะ (Nayuka Mine) อดีตดาราหนังเอวีที่หันมาเอาดีด้านการเขียนมังงะ หรือ มิวะ ฮินาคิ (Miwa Hinaki) นักเขียนสาวที่ไม่เปิดเผยตัว แต่บอกแค่ว่าเป็นนักเขียนมังงะพร้อมๆ กับทำอาชีพเป็นเคียบะโจ (สาวนั่งดริ้งก์) ซึ่งเธอก็นำประสบการณ์ตรงนั้นมาแฉให้คนอ่านได้ฮาจนท้องแข็ง
ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจากที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตกอยู่ดีๆ พอนานวันจะพัฒนาจนได้แนวทางของตัวเอง และกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมูลค่ามหาศาล
บางทีก็สมควรแล้วล่ะครับที่พวกเขาได้รับการยกย่องให้เป็น ‘เซนเซ’
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in