เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับธุรกิจ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แบรนด์สินค้าpairwara.kit
วัสดุพิมพ์ฉลาก เลือกแบบไหนให้ทนน้ำ ติดแน่น ไม่ลอก?
  • เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมฉลากน้ำดื่มบางยี่ห้อถึงทนทาน แช่อยู่ในถังน้ำแข็งทั้งวันก็ยังสวยเป๊ะ แต่บางยี่ห้อแค่โดนน้ำนิดหน่อยก็เปื่อยยุ่ย ตัวหนังสือเลือนหายไปซะแล้ว? ความลับไม่ได้อยู่ที่เวทมนตร์ แต่อยู่ที่ "วัสดุ" ที่เลือกใช้ครับ

    สำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่ หรือใครที่กำลังอยากรีแบรนด์ การเลือกฉลากดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่เชื่อเถอะครับว่านี่คือปราการด่านแรกที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับแบรนด์ของคุณ ฉลากที่สวยงามและทนทานไม่เพียงแต่จะสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ยังบ่งบอกถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดอีกด้วย วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันแบบหมดเปลือก ว่าเบื้องหลังการรับผลิตฉลากน้ำดื่มนั้นมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง และจะเลือกวัสดุแบบไหนให้ฉลากของคุณสวยทน ติดแน่น ไม่ลอก จนลูกค้าต้องหยิบ!

    รู้จัก 3 วัสดุยอดนิยมที่ร้านรับผลิตฉลากน้ำดื่มส่วนใหญ่เลือกใช้

    เมื่อคุณเดินเข้าไปคุยกับร้านรับผลิตฉลากน้ำดื่ม พวกเขามักจะมีวัสดุพิมพ์ฉลากให้เลือกหลากหลายจนตาลาย แต่ไม่ต้องกังวลครับ จริง ๆ แล้วมีวัสดุยอดฮิตอยู่ 3 ชนิดที่ครองตลาดฉลากน้ำดื่ม ซึ่งแต่ละชนิดก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป

    1. สติกเกอร์ PP (Polypropylene): นี่คือพระเอกตัวจริงของวงการ! สติกเกอร์ PP เป็นพลาสติกเนื้อเหนียว ฉีกขาดยาก ทนความร้อนและความเย็นได้ดีเยี่ยม ที่สำคัญคือ "กันน้ำ 100%" ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสความชื้นตลอดเวลาแบบน้ำดื่ม มีให้เลือกทั้งแบบขาวเงา ขาวด้าน และแบบใส

    2. สติกเกอร์ PVC (Polyvinyl Chloride): จัดเป็นรุ่นพี่ใหญ่ที่มีความทนทานสูงมาก ทนแดด ทนฝน ทนสารเคมีได้ดีกว่า PP เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความสมบุกสมบันสูง แต่ด้วยราคาที่สูงกว่าเล็กน้อยและเนื้อที่แข็งกว่า PP ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมใช้ PP กับขวดน้ำดื่มมากกว่า ยกเว้นต้องการคุณสมบัติพิเศษจริง ๆ

    3. สติกเกอร์กระดาษเคลือบ: เป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุด ให้สัมผัสแบบคลาสสิก แต่ต้องย้ำว่า "ต้องเคลือบ" เท่านั้นนะครับ เช่น เคลือบลามิเนตเงา/ด้าน เพื่อช่วยป้องกันน้ำในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถแช่น้ำนาน ๆ ได้เท่ากับพลาสติก เหมาะสำหรับน้ำดื่มที่ไม่เน้นแช่เย็นจัด หรือใช้ในงานอีเวนต์ระยะสั้น

    เปรียบเทียบชัดๆ สติกเกอร์ PP vs PVC ร้านรับผลิตฉลากน้ำดื่มแนะนำแบบไหนดีที่สุด

    มาถึงคำถามโลกแตกที่หลายคนอยากรู้ แล้วระหว่าง PP กับ PVC จะเลือกอะไรดี? ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าแบรนด์น้ำดื่มของคุณวางขายในร้านสะดวกซื้อที่ต้องแช่เย็นจัด หรือต้องลงไปอยู่ในถังน้ำแข็งตามร้านอาหาร บริการรับผลิตฉลากน้ำดื่มส่วนใหญ่จะแนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่า "สติกเกอร์ PP" คือคำตอบที่ดีที่สุดครับ

    ทำไมถึงเป็น PP?

    • กันน้ำและทนความเย็น: คุณสมบัติเด่นคือการทนความชื้นได้แบบไร้กังวล แช่น้ำแข็งแค่ไหนก็ไม่เปื่อย ไม่ย่น

    • ความยืดหยุ่น: เนื้อสติกเกอร์ PP มีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งรับกับรูปทรงของขวดน้ำได้เนียนสวย ไม่มีฟองอากาศง่าย

    • ความสวยงาม: ให้งานพิมพ์ที่สีสันสดใส คมชัด ไม่ว่าจะเลือกแบบเงา แบบด้าน หรือแบบใสเพื่อโชว์สีของน้ำภายในขวด

    • ความคุ้มค่า: เมื่อเทียบคุณสมบัติกับราคาแล้ว PP ถือว่าคุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจน้ำดื่ม

    ส่วน PVC จะเหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานขั้นสุด เช่น ฉลากที่ติดบนถังน้ำขนาดใหญ่ หรือสินค้าที่ต้องวางกลางแจ้งนาน ๆ ครับ

    เคล็ดลับการเลือกสติกเกอร์ให้ทนทานต่อความเย็นและความชื้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านรับผลิตฉลากน้ำดื่ม

    นอกจากตัว "เนื้อสติกเกอร์" แล้ว อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่หลายคนมองข้ามไปก็คือ "กาว" ครับ ต่อให้สติกเกอร์จะกันน้ำดีแค่ไหน แต่ถ้ากาวไม่ทนความเย็น พอเจอไอเย็นเกาะที่ขวด ฉลากก็พร้อมจะเผยอและหลุดลอกออกมาได้ง่าย ๆ

    ดังนั้น เวลาคุณคุยกับโรงพิมพ์หรือร้านรับผลิตฉลากน้ำดื่ม ให้ถามคำถามนี้เลยครับว่า "ใช้กาวเกรดห้องเย็น (Cold Temperature Adhesive) หรือไม่?" กาวชนิดนี้ถูกออกแบบมาให้ยึดเกาะได้ดีเยี่ยมแม้ในอุณหภูมิต่ำและบนพื้นผิวที่มีความชื้นเกาะอยู่ นี่คือเคล็ดลับเล็ก ๆ ที่จะทำให้ฉลากของคุณติดแน่นทนนาน แตกต่างจากคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด

    ระบบการพิมพ์แบบไหนที่เหมาะกับการรับผลิตฉลากน้ำดื่ม ให้สีคมชัด ไม่ซีดจาง

    เมื่อได้วัสดุแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการพิมพ์ให้สวยงาม ระบบการพิมพ์สำหรับฉลากสติกเกอร์หลัก ๆ มี 2 แบบครับ

    1. ระบบดิจิทัล (Digital Printing): เหมาะสำหรับงานจำนวนน้อย ไม่จำกัดจำนวนสี พิมพ์ได้รวดเร็ว และสามารถพิมพ์หลาย ๆ ลายได้ในการสั่งครั้งเดียว เช่น ฉลากโปรโมชันที่มีหลายแบบ งานพิมพ์คมชัดสวยงาม

    2. ระบบเฟล็กโซ/ออฟเซ็ท (Flexo/Offset Printing): เหมาะสำหรับงานจำนวนมาก ๆ (หลักหมื่นหรือแสนดวงขึ้นไป) ยิ่งพิมพ์เยอะ ต้นทุนต่อดวงจะยิ่งถูกลง ให้คุณภาพสีที่สม่ำเสมอในทุกล็อตการผลิต

    สำหรับแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มต้น การพิมพ์ระบบดิจิทัลจะมีความยืดหยุ่นและคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าแบรนด์ของคุณติดตลาดและต้องสั่งผลิตครั้งละมาก ๆ ระบบเฟล็กโซจะช่วยประหยัดต้นทุนได้มากกว่าในระยะยาว ซึ่งบริษัทรับผลิตฉลากน้ำดื่มที่ดีควรมีบริการทั้งสองระบบเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกขนาด

    ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อราคาในการสั่งรับผลิตฉลากน้ำดื่มแต่ละครั้ง

    เคยไหมครับที่ถามราคาแล้วสงสัยว่าทำไมราคาถึงแตกต่างกัน? นี่คือปัจจัยหลัก ๆ ที่มีผลต่อการคำนวณราคาครับ

    • ชนิดของวัสดุ: สติกเกอร์กระดาษจะถูกที่สุด ตามมาด้วย PP และ PVC

    • ขนาดของฉลาก: ยิ่งขนาดใหญ่ ก็ยิ่งใช้วัสดุเยอะ ราคาก็จะสูงขึ้น

    • จำนวนที่สั่งผลิต: หัวใจสำคัญเลยครับ ยิ่งสั่งเยอะ ราคาต่อดวงจะยิ่งถูกลงมาก

    • จำนวนสีที่พิมพ์: หากเป็นระบบพิมพ์แบบเก่า จำนวนสีจะมีผลต่อราคา แต่ระบบดิจิทัลส่วนใหญ่จะคิดราคาเท่ากัน

    • เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์: เช่น การเคลือบลามิเนต, การปั๊มฟอยล์เงิน/ทอง (Foil Stamping), การทำ Spot UV จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามา

    วิธีการเตรียมไฟล์อาร์ตเวิร์ค (Artwork) ก่อนส่งให้ร้านรับผลิตฉลากน้ำดื่ม

    เพื่อให้งานพิมพ์ออกมาสวยเป๊ะเหมือนที่ออกแบบไว้ การเตรียมไฟล์ให้ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญมากครับ เหมือนการเตรียมวัตถุดิบที่ดีก่อนทำอาหารนั่นแหละครับ

    • ใช้ไฟล์ Vector: ควรส่งเป็นไฟล์ .ai (Adobe Illustrator) หรือ .eps เพราะเป็นไฟล์ที่สามารถย่อ-ขยายได้โดยไม่สูญเสียความคมชัด

    • ตั้งค่าสีเป็น CMYK: งานพิมพ์ทุกชนิดใช้โหมดสี CMYK ไม่ใช่ RGB (ที่ใช้สำหรับหน้าจอ) เพื่อให้สีที่พิมพ์ออกมาตรงกับที่ออกแบบมากที่สุด

    • ฝังรูปภาพและ Create Outline ตัวอักษร: เพื่อป้องกันปัญหาภาพหายหรือฟอนต์เพี้ยนเมื่อโรงพิมพ์เปิดไฟล์

    • ตั้งค่าความละเอียด: หากมีรูปภาพในไฟล์ ควรมีความละเอียดอย่างน้อย 300 dpi

    • ทำระยะตัดตก (Bleed): คือการเผื่อพื้นหลังของอาร์ตเวิร์คออกไปจากขอบงานจริงประมาณ 3-5 มม. เพื่อป้องกันเวลาไดคัทแล้วเหลือขอบขาว ๆ

    หากไม่แน่ใจตรงไหน สอบถามกับทางร้านรับผลิตฉลากน้ำดื่มได้เลยครับ ร้านที่เป็นมืออาชีพจะยินดีให้คำแนะนำเสมอ

    เช็กลิสต์ 5 ข้อที่ต้องดูก่อนตัดสินใจเลือกร้านรับผลิตฉลากน้ำดื่ม

    มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือการเลือกพาร์ทเนอร์ที่จะมาดูแลฉลากให้แบรนด์ของคุณ ลองใช้เช็กลิสต์ 5 ข้อนี้ดูครับ

    1. ดูผลงานที่ผ่านมา: ขอดูตัวอย่างงานรับผลิตฉลากน้ำดื่มที่เคยทำ โดยเฉพาะงานที่พิมพ์บนวัสดุที่คุณสนใจ

    2. ความเชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำ: สามารถอธิบายความแตกต่างของวัสดุแต่ละชนิด และแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณได้หรือไม่

    3. การสื่อสารที่รวดเร็วและชัดเจน: ตอบคำถามได้ไว มีความกระตือรือร้นในการให้บริการ

    4. มีกระบวนการตรวจสอบงาน (Proof): มีการส่งไฟล์ตัวอย่างให้ตรวจสอบความถูกต้องก่อนเริ่มพิมพ์จริงเสมอ

    5. ราคาที่สมเหตุสมผล: ราคาไม่จำเป็นต้องถูกที่สุด แต่ต้องสมเหตุสมผลกับคุณภาพและบริการที่ได้รับ

    สรุปเรื่องการรับผลิตฉลากน้ำดื่ม

    การเลือกฉลากน้ำดื่มเป็นมากกว่าการเลือกสติกเกอร์สวย ๆ แต่มันคือการลงทุนเพื่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ หัวใจสำคัญคือการเลือก "วัสดุ" ให้ถูกต้อง (ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว PP คือคำตอบ), เข้าใจเรื่อง "กาว" ที่ทนความเย็น, และเตรียม "ไฟล์อาร์ตเวิร์ค" ให้พร้อม การเลือกพาร์ทเนอร์หรือร้านรับผลิตฉลากน้ำดื่มที่ใช่และเป็นมืออาชีพ จะช่วยให้คุณหมดกังวลเรื่องฉลาก และมีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างแบรนด์ให้เติบโตได้อย่างเต็มที่ครับ


    ขอบคุณข้อมูลจาก : 
    https://www.allprintok.co.th/

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in