เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Seriesaholicseenam13
รีวิว Resident Playbook
  • กลับมารีวิวซีรีส์อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะออกมาท่าไหน ไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้มาพักใหญ่เลย แต่ไม่เขียนคงจะไม่ได้ ด้วยความคิดถึงที่มีต่อ Hospital Playlist ทั้งหมดขอมาลงกับ Resident Playbook ก็แล้วกัน 555 

    จะเริ่มยังไงดี คาดหวังกับซีรีส์เรื่องนี้มาก ๆ เพราะเป็นภาคแยกของ Hospital Playlist ซีรีส์ที่เรารักมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่ง แต่ยังไงเสียต้องไม่ลืมว่าแม้จะเป็นจักรวาลของชินวอนโฮ ทว่าคราวนี้เขาขึ้นไปนั่งแท่นโปรดิวเซอร์แทน แล้วดันผู้ช่วยผกก.และผู้ช่วยนักเขียนขึ้นมาแทน ก็นะต้องดันเด็กในสังกัดกันบ้าง เอาวะลองดูว่าจะยังไง ต้องนั่งทับมือไม่ให้มาเขียนรีวิวก่อนซีรีส์จบแทบตาย พอจบครบ 12 ตอนแล้ว อยากเขียนเก็บไว้สักหน่อย

    เรียกได้ว่าต้องลบภาพ Hospital Playlist ออกไปครึ่งหนึ่งแล้วบวกภาพใหม่ ๆ เข้าไปอีกครึ่งนั่นแหละ Resident Playbook ถ้าให้เล่าเรื่องย่อ (อีกละ) ก็คงไม่สามารถที่จะอธิบายอะไรไปได้มากกว่า ชีวิตของเหล่าเรซิเดนต์เจนซี หรือแพทย์ประจำบ้านปี 1 ของโรงพยาบาลยุลเจสาขาจงโน แน่นอนว่าพวกเราที่เคยดูหมอเพลงมาแล้วย่อมรู้จักจักรวาลนี้กันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องปูพื้นฐานก็เข้าใจว่าอะไรประมาณไหน แต่ผกก.อีมินซูยังเลือกให้ 2 ตอนแรกของซีรีส์เป็นการ "นวด" เหมือนที่ชินวอนโฮทำประจำ ตอนนวดนี่แหละวัดใจใครจะไปต่อหรือจะหยุดดู เพราะมันเนือยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พอผ่านการนวดไปแล้ว EP.3-4 เริ่มเข้าที่ละ 

    ขอพูดถึงคาแรกเตอร์หลักทั้ง 4 ก่อนเลยแล้วกัน "โออียอง" หรือ 520 นางเอกของเรา เรื่องนี้ตัวเอกที่เด่นสุดจะเป็นโออียองนี่แหละ ที่มีภูมิหลังเป็นเด็กสาวที่ที่บ้านล้มละลาย แต่ยังติดนิสัยใช้จ่ายเงินเกินตัวจนเป็นหนี้มหาศาล ต้องจำยอมกลับมาทำงานเป็นเรซิเดนต์ทั้งที่เคยก่อเรื่องจนต้องออกจากรพ.ที่ตจว.แล้วครั้งหนึ่ง กลับมาเจอกับเพื่อนสมัยมัธยมที่เป็นคู่แข่งกันตั้งแต่ตอนนั้น "พโยนัมกยอง" สาวสวยที่มีนิสัยเอาแต่ใจหน่อย ๆ กับ "คิมซาบี" สาว AI ที่หนึ่งประจำรุ่น เรียนเก่ง ขยัน แต่ไร้หัวใจ กับผู้ชายในแผนกสูตินรีเวชเพียงคนเดียวผู้อ่อนโยนอย่าง "ออมแจอิล" หรือสเตจเนมว่า "ออมเจย์" อดีตไอดอลที่วงแตกแล้วหันเหมาเรียนแพทย์ แต่ละคนมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนมาก และนักเขียนยังคงใส่ความเป็นมนุษย์ที่มีโลภ โกรธ ริษยา ด้านมืดที่ถ้าเป็นคนยังไงก็ต้องมี ซาบีที่เห็นอียองได้รับโอกาสจากอาจารย์ก็รู้สึกว่าทำไมไม่เป็นฉัน หรือพโยนัมกยองไปเจอรุ่นพี่นิสัยไม่ดีสอนให้กดพยาบาล แต่เนื้อแท้ไม่ใช่คนเลวร้ายก็กลับมาได้ หรือออมแจอิลที่ใจดีเกินไปจนรุ่นน้องเอาไปพูดลับหลังว่าไม่ทำงานก็ได้ยังไงเขาก็ทำแทน หรือความอดทนที่มีต่ำเหลือเกินของอียอง 

    พูดในพาร์ตของการแพทย์ ทั้ง 4 เป็นเรซิเดนต์ปี 1 ที่ขึ้นชื่อว่างานหนักที่สุด แถมไม่เป็นงานมากที่สุด เพราะเดือนกุมภายังเป็นอินเทิร์นอยู่เลย แต่พอเข้ามีนาก็กลายเป็นเรซิเดนต์เสียแล้ว ความรู้ก็เลเวลต่ำสุดไม่ได้เลเวลสูงอย่างคาแรกเตอร์หมอเพลง ที่เล่าเรื่องของอาจารย์แพทย์ที่ฉลาดและเก่งแล้ว แต่นี่คือการนำ SS2 EP8 (ถ้าจำไม่ผิด) ที่ว่าด้วยเรื่องการเป็นอินเทิร์นมาขยายให้ชัดแจ้งในคราบของ Resident Playbook เช่น การทำงานหนักจนหนีไป การเสียน้ำตามากมายเมื่อต้องประกาศการเสียชีวิตครั้งแรก ความไม่เข้าใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในห้องผ่าตัดจนอาจารย์ดุ หรือการโนติเคสบ่อยเพราะความรู้ไม่เพียงพอ เคยถูกเล่ามาแล้วใน HosPlay แต่เรื่องเหล่านี้ถูกนำมาขยายและใส่รายละเอียดเข้าไปอีก

    การเป็นอินเทิร์นในที่นี้ไม่ใช่แค่ตำแหน่งอินเทิร์นในรพ. แต่เหมารวมไปถึงอินเทิร์นทุกบริบท ทั้งเด็กฝึกหัด ผู้เริ่มต้น เราทุกคนต้องเคยผ่านสเตจนี้ ช่วงเวลาที่ได้ทำอะไรเป็นครั้งแรกและมักจะเกิดความผิดพลาด ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ต้องฝึกฝนถึงจะเก่งขึ้นได้ เราต้องผ่านช่วงเวลาที่เป็นอินเทิร์นด้วยกันทั้งนั้น เหมือนใน EP12 อาจารย์ซอจองมินชมอียองที่เป็นปี 1 ที่สามารถดึงรกและเย็บเก็บงานได้ก่อนจะสิ้นปี (วันนั้น 31 ธ.ค. พอดี) ทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง และให้เหล้าราคาแพงที่รักมากกับอียองไปดื่มฉลอง ก่อนบอกว่า "ตอนนี้เธออาจจะโดดเด่นแต่เรื่องพวกนี้ทำบ่อย ๆ จะเก่งขึ้นได้ เมื่อฝึกฝนไปเรื่อย ๆ ฝีมือจะพอ ๆ กัน แต่อย่าลืมมันล่ะ" (เป็นบทช่วงที่เราชอบที่สุดเลย) วันนึงเรื่องที่เคยทำไม่ได้ เคยไม่เก่งเราจะเก่งขึ้นถ้าทำมันบ่อย ๆ และอาจจะหลงลืมว่าครั้งนึงเราเคยพยายามทำมันจนสำเร็จด้วยความยากลำบากขนาดไหน แม้วันนี้เรื่องพวกนั้นอาจจะกลายเป็นแค่เรื่องธรรมดาไปแล้วก็ตาม

    ในพาร์ตความสัมพันธ์ 4 คนนี้ก็เข้าสูติมาโดยที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนมาจากต่างที่ ความเป็นเพื่อนแน่นอนว่าเป็น 0 ไม่ได้เริ่มที่ 10 เหมือนเรื่องหมอเพลง และความไม่สนิทช่วงแรก ๆ นี่แหละความสนุกในการเล่าว่าพวกนี้จะสนิทกันได้ยังไง จักรวาลชินวอนโฮก็ยังเหมือนเดิม ใช้การกินเป็นตัวเชื่อมเสมอ ช่วงแรก ๆ เด็กพวกนี้ไม่แม้แต่จะกินข้าวด้วยกัน แต่พอผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเริ่มสนิทกัน การตอบรับคำชวนกินข้าวคือเครื่องยืนยันว่าเปิดใจให้แล้ว อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ กูโดวอน ชีฟ หรือหัวหน้าเรซิเดนท์ นั่นเอง คาแรกเตอร์นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น Mentor ส่วนใหญ่ในสตอรีต้องมี Mentor ด้วยกันทั้งนั้น Harry Potter ก็มี Dumbledore หรือ The lord of the rings ก็มี Gandalf เป็นผู้ชี้แนะแนวทางให้ตัวเอกของเรา ให้ออกไปผจญภัยหรือข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ กูโดวอนก็รับหน้าที่นี้เช่นเดียวกัน ในเวลาที่น้องเดนท์หลงทาง โดวอนจะคอยให้คำปรึกษา เป็นที่พึ่งทำให้ตัวเอกของเราเติบโตขึ้น ทว่า Mentor ก็เป๋ได้เช่นเดียวกัน เลยเป็นรุ่นพี่ก็ดูเข้าถึงง่าย จับต้องได้ เพราะเขาก็เป็นมนุษย์ทั่วไปที่พลาดผิดได้ รุ่นน้องเลยกล้าที่จะขอคำแนะนำ

    มีอีกหลายประเด็นเลยที่อยากจะเขียนถึง แต่มันชักจะยาวเกินไป ต้องขมวดจบสักที เราคาดหวังที่จะได้เห็นการใช้เพลงช่วยเล่าเรื่องซึ่งเป็นซิกเนอเจอร์เหมือน HosPlay ที่แต่ละตอนจะมีเพลงที่ช่วยขับเน้นเรื่องราวแมสเสจของอีพีนั้นให้ชัดขึ้น ดึงอารมณ์ความรู้สึกของคนดูได้มากขึ้น ก็คิดว่าจะไม่มีแล้ว แต่ก็เหมือนได้รับโมเมนต์พระราชทานในอีพีท้าย ๆ คือเพลง When The Day Comes ของ Hi-Boyz มาทันเวลาพอดี ซีนโนแรบัง (Karaoke) ที่เป็นตำนานของหมอเพลง ได้ถูกปรับให้เข้ากับความเป็นเจนซี และออมเจย์ก็ไม่ได้ถูกวางตัวเป็นอดีตไอดอลอย่างมั่ว ๆ ซั่ว ๆ แน่นอน แต่เป็นเพราะต้องการจะมีซีนนี้ต่างหาก และอีกเรื่องที่เราคาดหวังจะเห็นแต่ไม่ได้เห็นคือ ความ Nostalgia การเล่าย้อนอดีต อีกซิกเนเจอร์ของจักรวาลชินวอนโฮ แต่กลับพบว่าแฟลชแบล็กน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย และแทบจะฮุกไม่ได้ด้วย แต่เข้าใจได้ว่า ResPlay เล่าเรื่องที่เป็นปัจจุบันมาก ๆ และจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ แถมเล่าในมุมของความยากลำบากของน้องเดนท์ปีหนึ่ง และไม่ได้ลงน้ำหนักกับเรื่องราวชีวิตของคนไข้มากนัก

    สุดท้าย สิ่งที่เรื่องนี้ทำได้ดีเลยก็คือ Character Development ตอนแรก ๆ อียองที่ไม่สนใจคนไข้คิดแต่ว่าทำงาน ๆ เพื่อหาเงินใช้หนี้ ก็กลายเป็นคนที่จะอยู่ต่อในปี 2 และยอมอยู่ดูแลคนไข้ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวร พโยนััมกยองคนที่เคยหนีไปเคยจะลาออกเพราะคนไข้คนแรกของเธอที่ดูเหมือนเรื่องมากและเรียกเธอไม่หยุด ก็ได้เข้าใจว่า คำขอหรือความต้องการของคนไข้สำคัญขนาดไหน ในวันที่เธอต้องประกาศการเสียชีวิตครั้งแรกกับคนไข้คนแรกของเธอ คิมซาบี มนุษย์ AI ที่เก่งแต่ในตำรา แต่ไม่เข้าใจความรู้สึกคนไข้ ปลอบใจไม่เป็น ก็ได้กลายเป็นคนที่ไม่แค่รักษาร่างกายแต่รักษาจิตใจของคนไข้ได้ด้วย เพราะเห็นตัวอย่างที่ดีจากอาจารย์รยูแจฮวี ส่วนออมแจอิลที่มาแรก ๆ ถูกจัดเป็นพวกขยันแต่หัวทึบ เป็นคนที่คุยเก่ง มนุษยสัมพันธ์ดี ปลอบโยนจิตใจคนไข้ได้ แต่รักษาไม่เก่ง ก็ใช้ลูกขยันฝึกฝนด้วยชั่วโมงบินที่มากกว่าคนอื่น จนสุดท้ายเขาเข้าใจแล้วว่าการปลอบคนไข้ได้อย่างเดียวไม่มีประโยชน์อะไร ต้องเป็นหมอที่เก่งและรักษาให้คนไข้หายด้วยสิ

    สิ่งที่ ResPlay เล่ามีหลัก ๆ 3 เรื่องแอบแฝงประเด็นสังคมของเกาหลีมาด้วยก็คือ การทำงานในที่ทำงาน ทั้งงานหนัก ต้องเจอคนหลากหลายรูปแบบ คนที่เอาแต่ดุด่ารุ่นน้อง คนที่โยนความผิดให้คนอื่น คนที่เอาหน้าอย่างเดียว แต่ก็จะได้พบคนดี ๆ ที่ช่วยเหลือเราด้วยเช่นกัน อีกประเด็นคือเรื่องการคลอดลูก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หวยมาลงที่แผนกสูตินรีเวช เพราะอัตราการเกิดที่ต่ำของเกาหลี การกระตุ้นให้คนในประเทศอยากจะมีลูกด้วยซีรีส์ก็เป็นอีกหนึ่งทาง ผ่านการเล่าเรื่องความอยากจะมีลูกแต่มีภาวะมีบุตรยากมันทรมานแค่ไหน และความเป็นครอบครัวยิ่งใหญ่และมีค่าแค่ไหน และอีก 1 ประเด็นคือการที่แพทย์เกาหลีออกมาประท้วงถึงการที่รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ด้วยการเปิดรับนักศึกษาแพทย์เพิ่ม การแข่งขันก็เพิ่มขึ้นด้วย ทำให้มีแพทย์ฝึกหัดจำนวนมากยื่นใบลาออก ทำให้ Resident Playbook ที่คาดว่าจะมี SS2 อาจต้องยุบไปก่อน 

    คนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับเหล่าเรซิเดนท์เจนซีน่าจะอินและชอบ Resident Playbook เพราะรีเลทกับสถานการณ์ของช่วงวัยได้มากกว่า ถือเป็นซีรีส์ฮีลใจอีกเรื่องที่ดีมาก ๆ ให้มุมมองการทำงานได้ดีมาก ๆ ไม่ต้องเป็นหมอก็รีเลทได้ แต่ทำไงได้ยังคิดถึง HosPlay อยู่ดี ยังคงรอคอย SS3 อยู่ที่ท่าน้ำทุกวัน และเปิด Aloha วนไป ไม่ว่ายังไงก็จะรอ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in